เผย บรรยากาศหน้าผับอุบล พบ ตำรวจถือปืนหน้าผับ ชาวเน็ตบอกเต้นไม่ออก

เผย บรรยากาศหน้าผับอุบล พบ ตำรวจถือปืนหน้าผับ ชาวเน็ตบอกเต้นไม่ออก

ชาวเน็ตบอกเต้นไม่ออก หลัง สรยุทธ เผยภาพ บรรยากาศหน้าผับอุบล พบ ตำรวจถือปืนหน้าผับ อาวุธครบมือ ชุดเกราะแน่น สรยุทธ สุทัศนะจินดา นักข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ภาพบรรยากาศหน้าผับอุบล แสดงให้เห็นถึงคนถือปืนหน้าผับอุบล หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้เกิดเหตุกราดยิงอุบล เมื่อประมาณสัปดาห์ที่แล้ว และมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 3 ศพ และได้รับบาดเจ็บอีกหลายราย

จากภาพจะเห็นได้ว่ามีเจ้าหน้าที่สวมชุดเกราะที่มีคำว่า Police หรือตำรวจ และถืออาวุธปืนครบมือ ทั้งปืนสั้นและปืนยาว โดยไม่รู้ว่าเจ้าหน้าที่เป็นของกรมตำรวจหรือไม่

ทางเพจสรยุทธกล่าวว่า “บ้านเราเมืองเรา …นักท่องราตรีตะลึง มาเที่ยวผับ เจอตำรวจพร้อมอาวุธครบมือ เปรียบเหมือนมาสนามรบ หลังเกิดเหตุกลุ่มวัยรุ่นเมืองอุบลราชธานี สองกลุ่มเปิดศึกยิงถล่มกันเมื่อสัปดาห์ก่อน จนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต

ล่าสุดเมื่อคืนที่ผ่านมา มีนักท่องราตรี แชร์ภาพ สถานบันเทิงชื่อดังในจ.อุบลราชธานี ด้านหน้ามีการเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ซึ่งไม่แน่ชัดว่าเป็นตำรวจทั้งหมดหรือไม่ แต่งกายพร้อมเสื้อเกราะ และมีอาวุธปืนครบมือ ทั้งปืนสั้น ปืนยาว ยืนหน้าสถานบันเทิง รักษาความปลอดภัย สร้างความตกตะลึงให้นักท่องราตรีและผู้พบเห็น บางคนเปรียบเทียบเป็นมิติใหม่แห่งการท่องราตรี ถึงขนาดต้องมีเจ้าหน้าที่ พร้อมอาวุธครบมือ คอยระงับเหตุ เหมือนสนามรบ ที่นี่อุบลราชธานี”

หลังจากโพสต์ดังกล่าวได้รับการเผยแพร่ออกไป ชาวเน็ตก็ได้เข้ามาแสดงความเห็นกันเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะบอกว่าทำให้นักท่องเที่ยวรู้สึกหวาดกลัวไม่อยากเที่ยว เต้นไม่ออก รวมถึงกังวลว่าอาจจะเกิดเหตุรุนแรงขึ้น เพราะผู้เที่ยวขาดสติเพราะอาการมึนเมา ขณะที่ชาวเน็ตอีกส่วนเห็นด้วยว่าเป็นการสร้างความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวอีกด้วย

ขณะเดียวกัน ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงดิจิทัลฯ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะบังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่ เพื่อเร่งกำจัดอาชญากรรมออนไลน์ แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน และติดตามผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดี ทั้งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ผู้ใดโดยทุจริต หลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง และโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม หรือทำให้ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม ทำ ถอน หรือทำลายเอกสารสิทธิ ผู้นั้นกระทำความผิดฐานฉ้อโกง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

หมอยง เผย ทุกคนต้องติดโควิด หนีธรรมชาติไม่พ้น

หมอยง เผย ทุกคนต้องติดโควิด ไม่สามารถหนีธรรมชาติได้พ้น ชี้ขอให้รับความจริงว่าโรคนี้จะอยู่กับเราตลอดไป ย้ำแต่อยู่ด้วยกันได้ นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กเกี่ยวกับโควิด ระบุว่าท้ายที่สุดทุกคนต้องติดโควิด หนีกฎเกณฑ์ตามธรรมชาติไม่พ้น

หมอยง ระบุว่า “ในอดีตที่ผ่านมามีการระบาดของโรคร้ายแรงมากมาย ไม่ว่าจะเป็นไข้ทรพิษ กาฬโรค และความรู้ การแพทย์ไม่ทันสมัยเหมือนสมัยนี้ เราก็สามารถผ่านพ้นกันมาได้จนทุกวันนี้ การระบาดของโรค จะไม่ยืดยาวนานอย่าง โควิด-19 ในปัจจุบัน

ตามกฎเกณฑ์ของวิวัฒนาการ กระต่ายเคยทำลาย พืชเกษตรเสียหายมาก มนุษย์จึงใช้ไวรัสที่ก่อโรครุนแรงในกระต่ายถึงเสียชีวิต และเป็นโรคระบาด ใส่ให้กระต่าย ผลปรากฏว่ากระต่ายเสียชีวิตจำนวนมากแต่ก็จะมีจำนวนหนึ่งที่ทนต่อไวรัสนี้ และหลงเหลืออยู่แพร่พันธุ์ต่อมา เพิ่มจำนวนได้เท่าเดิม

เมื่อมองย้อนไปถึงการระบาดของโรคในอดีต การระบาดส่วนใหญ่จะใช้เวลาปีเดียว มีการติดต่อกันมาก อย่างเช่นอหิวาตกโรคในรัชกาลที่ 2 หรือ ไข้หวัดใหญ่สเปน ในรัชกาลที่ 6 ระบาดอยู่เพียงปีเดียว ก็เปลี่ยนเป็นโรคประจำฤดูกาล แต่มีการสูญเสียค่อนข้างมากโดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ประมาณ 1 เปอร์เซ็นต์ของประชากร

เราประมาณการกันว่า ไข้หวัดใหญ่ ระยะเวลา 3 ปี เกือบทุกคนจะเป็นหนึ่งครั้ง และเมื่อครบ 9 ปีโดยเฉลี่ยแล้วจะเป็นครบทั้งไข้หวัดใหญ่ A (H1N1, H3N2) และ B รวม 3 ตัว ดังนั้นในเด็กอายุต่ำกว่า 9 ปี ถ้าไม่เคยฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่มาก่อน การให้ครั้งแรกของชีวิตจะต้องให้ 2 ครั้งห่างกัน 1 เดือน แต่ถ้าใครอายุเกิน 9 ปี ก็ถือว่าน่าจะเคยติดเชื้อไข้หวัดใหญ่มาแล้ว การให้วัคซีนจะเป็นเข็มกระตุ้น 1 ครั้ง Covid 19 ก็น่าจะเช่นเดียวกันถ้าใช้ระยะเวลา 3 ปี ประชาชนส่วนใหญ่ก็น่าจะเคยติดเชื้อมาเป็นส่วนใหญ่แล้ว

ในปัจจุบันการแพทย์เราดีขึ้นก็ตาม การระบาดของโรคเราต่อสู้กับมันมาตลอด ทำให้ระยะเวลาในการระบาดยืดยาวออก และในที่สุดประชากรส่วนใหญ่ ก็คงจะต้องเคยติดโรค เปรียบเสมือนไข้หวัดใหญ่ โรคทางไวรัส ส่วนใหญ่เป็นในเด็กอาการจะไม่มีรุนแรง อาการจะรุนแรงในกลุ่มเปราะบาง

เรายืดระยะการระบาดมาถึง 2 ปีครึ่งแล้ว เพื่อให้มีการพัฒนา การรักษา การป้องกัน ด้วยวัคซีน ปัจจุบันก็ทราบแล้วว่า วัคซีนไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ แต่ช่วยลดความรุนแรง การระบาดในระยะหลัง จึงมีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก อาจจะเป็นจำนวนเป็นหลายหมื่น ถ้ารวมผู้ติดเชื้อมีอาการน้อยหรือไม่มีอาการ และไม่ได้ตรวจ ก็อาจจะเป็นแสนก็ได้ ปัญหาของโรค จึงอยู่ในกลุ่มเฉพาะเปราะบาง จำนวนการนอนโรงพยาบาล จึงอยู่ที่ 2000 – 3000 คน การเสียชีวิต 20-30 คน

เรารับความจริงแล้วว่า โรคนี้จะอยู่กับเราตลอดไป และจะอยู่ด้วยกันได้ ไวรัสจะทำร้ายเราน้อยลง เรามีระบบภูมิต้านทานที่ดีขึ้น ที่เคยได้รับวัคซีน หรือติดเชื้อมาแล้ว และมียาที่ดีขึ้น อัตราการสูญเสียก็จะน้อยลง เหมือนโรคทางเดินหายใจทั่วๆไป โดยเฉพาะในเด็ก เมื่อเป็นแล้ว โตขึ้นก็จะมีภูมิต้านทาน และถ้าได้รับเชื้อความรุนแรงของโรคก็จะน้อยลงเอง”

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป